“ค่าเงินบาท” เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา เคลื่อนไหวอ่อนค่าสุดในรอบ 15 ปี 9 เดือนอยู่ที่ 36.95 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งหลายกระแสก็จับตามองว่าเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยลดลงหรือไม่ เพราะ โดยปกติถ้าเงินทุนสำรองลดลงในยามที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า แสดงถึงว่าธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาท แต่ในความเป็นจริงนั้นจะเป็นอย่างไร?
ในงานผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบสื่อมวลชน หรือ Meet The Press เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. ได้ออกมาชี้แจงประเด็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินบาท เงินทุนเคลื่อนย้าย และเงินทุนสำรอง โดยระบุว่า “มีหลายเรื่องไม่ตรงกับความเป็นจริง” ทั้งเรื่องส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ไทยต่ำกว่าสหรัฐ, เงินทุนไหลออก ไปหาผลตอบแทนที่ดีกว่า, ค่าเงินบาทอ่อน, เงินทุนสำรองปรับลดลง และเสถียรภาพการเงินไทยเปราะบาง ใกล้เข้าสู่วิกฤติคล้ายปี 40
รายละเอียดที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง มีดังนี้
1.ส่วนต่างดอกเบี้ยไทยกับสหรัฐที่กว้างขึ้น เป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้เงินทุนของไทยไหลออก เป็นเรื่องที่ “ไม่จริง”
–ความจริง คือ ส่วนต่างดอกเบี้ยไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่มีผลต่อเงินทุน แต่ยังมีปัจจัยอื่น เช่น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพของเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของนักลงทุน
-ตั้งแต่ต้นปี ไทยยังมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ ขณะที่ประเทศที่ดอกเบี้ยสูงกว่าสหรัฐ เช่น อินเดีย และอินโดนีเซีย ยังเผชิญเงินทุนไหลออก
2.เงินบาทอ่อนค่าลงมาก เพราะเงินทุนไหลออก เป็นเรื่องที่ “ไม่จริง”
–ความจริง คือ ตั้งแต่ต้นปี เงินบาทอ่อนค่าจาก ดอลลาร์สหรัฐ (USD) แข็งค่าเป็นหลัก และปกติเงินบาทมักเคลื่อนไหวจากปัจจัยภายนอก หรือทิศทางสกุลเงินต่างประเทศ ถึง 86%
-ช่วงที่มีเงินทุนไหลเข้าไทย เงินบาทก็อ่อนค่าได้
3.เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ลดลงมาก เพราะต้องใช้พยุงค่าเงินบาท เป็นเรื่องที่ “ไม่จริง”
–ความจริง คือ การเปลี่ยนแปลงของเงินทุนสำรองมาจาก 3 ปัจจัย ทั้งผลตอบแทนการลงทุน, การตีมูลค่าของสินทรัพย์ (Valuation) และการดำเนินนโยบายค่าเงินของ ธปท. ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงของเงินทุนสำรองฯ เกิดจากการตีมูลค่าสินทรัพย์กลับมาอยู่ในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก เพราะดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าคำพูดจาก pg เว็บตรง
-เงินทุนสำรองฯ ของประเทศอื่นๆ ปรับลดลงเช่นกัน (หลายประเทศไม่ได้เข้าพยุงค่าเงิน)
4.เงินทุนสำรองฯ ที่ลดลง จะกระทบเสถียรภาพการเงินไทย จนเกิดวิกฤติแบบปี 40 เป็นเรื่องที่ “ไม่จริง”
–ความจริง คือ เงินทุนสำรองฯ ของไทย รวมฐานะล่วงหน้าสุทธิ (net forward position) ล่าสุดอยู่ที่ 2.47 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 51% ของจีดีพี สูงเป็นอันดับ 12 และ 6 ของโลกตามลำดับ